แม้จะเกิดทันยุคฮิปปี้ แต่ก็ยังเด็กอยู่มากจนจำอะไรเกี่ยวกับฮิปปี้ไม่ได้เลย เรื่องราวของฮิปปี้ดังต่อไปนี้จึงได้มาจากหนังสือ “สหรัฐอเมริกาในโลกปัจจุบัน (ค.ศ. ๑๙๔๕-๑๙๘๐)” โดย ศาสตราจารย์สมร นิติทัณฑ์ประภาศ
ในราว ค.ศ. ๑๙๖๗ คนหนุ่มสาวอเมริกันที่เบื่อระอาสังคมชนชั้นกลางและระดับสูงกว่านั้น เพราะไม่อาจปฏิรูปสังคมได้ดังใจนึก และไม่อาจจะเข้าใจถึงค่านิยมของพ่อแม่ที่เน้นความสำคัญของเงินตรา สถานภาพทางสังคมและความสำคัญของการทำงานหนักในชีวิต เพราะตนเติบโตมาโดยไม่ต้องผ่านการต่อสู้ชีวิตมาอย่างหนักเช่นพ่อแม่ คนเหล่านั้นต่างพากันปลีกตัวออกนอกสังคม หันไปเจริญรอยตามพวกบีตนิกแห่งทศวรรษที่ ๕๐ แต่ดำรงชีวิตอยู่อย่างน่าสมเพชกว่า หนุ่มสาวเหล่านี้ได้ชื่อว่าพวก “ฮิปปี้”
ฮิปปี้โดยทั่วไปด้อยการศึกษา แต่งกายสกปรกซอมซ่อรุงรังไว้หนวดเครา ผมยาว ห้อยลูกประคำ สวมรองเท้าแตะ ไม่สนใจจะผูกเนกไทหรือสวมถุงเท้า นิยมสูบกัญชาและยาเสพย์ติดอื่น ๆ ชิงชังการสะสมความมั่งคั่ง บางคนทำงานหนักที่ไม่ต้องใช้สมองเท่าใดนัก และรายได้ต่ำมาก บางคนก็ขอเงินจากทางบ้าน และมีไม่น้อยทำตนเป็นขอทาน
พวกฮิปปี้ส่วนใหญ่พากันไปมั่วสุมกันที่ตำบลไฮต์แอชเบอรี (Haight-Ashbury) ในนครซานฟรานซิสโก และที่อีสต์วิลเลจ(East Village) ในนครนิวยอร์ก พวกฮิปปี้เรียกตนเองว่า "บุปผาดรุณ” (flower children) หรือ “บุปผาชน” (flower people) พอใจที่จะยื่นดอกไม้ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และอัยการที่นำตนขึ้นฟ้องร้องต่อศาลมากกว่าจะใช้วิธีประท้วงอย่างรุนแรงไม่สนใจต่อขนบธรรมเนียมประเพณีใด ๆ ปล่อยตนตามสบายอยู่อย่างสงบ บางคนก็หันไปสนใจศาสนาที่แตกต่างไปจากที่ตนเองและครอบครัวเคยนับถือ เช่น ศาสนาและนิกายในตะวันออก อาทิ ศาสนาฮินดู ลัทธิขงจื๊อ นิกายเซน ลัทธิเต๋าทั้งนี้เพื่อไว้ปลอบประโลมใจและเป็นประสบการณ์ในชีวิตไปด้วยบ้างก็หมกมุ่นอยู่กับไสยศาสตร์และโหราศาสตร์ บ้างก็จับกลุ่มกันอยู่แบบคอมมูน โดยกินอยู่ใช้สอยร่วมกัน แบ่งความรับผิดชอบ ทรัพย์สมบัติและความรักให้ทั่วถึงกัน ภายในคอมมูนมีการช่วยกันทำสวนครัว ออกไปทำงานหาเงินนอกบ้านมาใช้ร่วมกัน แต่เมื่อเศรษฐกิจฝืดเคืองจนคอมมูนต้องสลายตัวไป คนพวกนี้ก็กระจัดกระจายไปทั่ว บ้างก็กลับไปหาครอบครัว บ้างก็หางานทำ บ้างก็กลับไปศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย บ้างก็ตุหรัดตุเหร่ไปในต่างแดน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น